รื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคาร ไม่ขออนุญาต ต้องรับโทษอะไรบ้าง
หากเราดำเนินการรื้อถอนบ้านหรืออาคารโดยไม่ขออนุญาต ฝ่าฝืนไม่ขออนุญาตเพื่อดำเนินการรื้อถอน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในใบขออนุญาตรื้อถอนอาคารนั้น จะได้รับโทษตามกฎหมาย
หากเราดำเนินการรื้อถอนบ้านหรืออาคารโดยไม่ขออนุญาต ฝ่าฝืนไม่ขออนุญาตเพื่อดำเนินการรื้อถอน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในใบขออนุญาตรื้อถอนอาคารนั้น จะได้รับโทษตามกฎหมาย
ในการก่อสร้างหรือรื้อถอนอาคาร กฎหมาย เป็นส่วนสำคัญ หากขาดตัวบทกฎหมายก็เสมือนไร้การควบคุม การก่อสร้างและรื้อถอนอาคารเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ หากมีกฎหมายเข้ามาช่วยดูแลก็จะทำให้กระบวนการและขั้นตอนต่างๆในการก่อสร้างและรื้อถอนอาคารเป็นไปด้วยความปลอดภัยมากขึ้น หรือหากเกิดเหตุไม่ขาดคิดขึ้นมา กฎหมายก็ยังสามารถให้ความยุติธรรมกับแต่ละฝ่ายได้ ซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรื้อถอนมีดังนี้
ในการสร้างบ้านใหม่ บ่อยครั้งมักจะต้องสร้างบนที่ดินซึ่งมีอาคารปลูกสร้างอยู่แล้ว การรื้อถอนอาคารก่อนปลูกสร้างบ้านใหม่จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลียงไม่ได้ การรื้อถอนอาคารให้ถูกต้องและปลอดภัยมีข้อควรรู้และขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
We connect expertise across services, markets, and geographies to deliver transformative outcomes. Worldwide, we design, build, finance, operate and manage projects and programs that unlock opportunities.
เจ้าของอาคารหรือเจ้าของบ้าน ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยรู้ว่า เมื่อใดตนเองมีหน้าที่ต้องยื่นขออนุญาตก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร มักจะคิดเข้าข้างตนเองว่า ไม่ต้องยื่นขออนุญาต เพราะกระทำการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ความจริง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร กำหนดไว้ชัดเจนว่า เมื่อใดต้องขออนุญาตหรือทำอย่างไรไม่ต้องขออนุญาต ซึ่งก่อนที่จะรู้ในเรื่องนี้ดีต้องทำความเข้าใจความหมายของคำบางคำเสียก่อนคือ
“ก่อสร้าง” หมายความว่า สร้างอาคารขึ้นใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างขึ้นแทนของเดิมหรือไม่
“ดัดแปลง” หมายความว่า เปลี่ยนแปลงต่อเติม เพิ่มลด หรือขยายซึ่งลักษณะ แบบรูปทรง สัดส่วน น้ำหนัก เนื้อที่ของโครงสร้างของอาคารหรือส่วนต่าง ๆ ของอาคาร ซึ่งได้ก่อสร้างไว้แล้วให้ผิดไปจากเดิม และมิใช่การซ่อมแซม และให้รวมถึง
( ก ) การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาคารที่เป็นคอนกรีต คอนกรีตอัดแรงและเหล็กโครงสร้างรูปพรรณ
( ข ) การเปลี่ยนแปลงส่วนต่าง ๆ ของอาคารแล้วจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างของอาคารเดิมส่วนหนึ่งส่วนใดเกินร้อยละสิบ
( ค ) การลดหรือขยายพื้นที่ชั้นหนึ่งชั้นใด หรือหลังคาให้มีพื้นที่มากขึ้นเกิน 5 ตร.ม. โดยไม่ลดหรือเพิ่มจำนวนเสาหรือคาน
“รื้อถอน” หมายความว่า รื้อส่วนอันเป็นโครงสร้างของอาคารออกไป เช่น เสา คาน ตง และให้รวมถึง
( ก ) รื้อกันสาดหรือคอนกรีตเสริมเหล็ก
( ข ) รื้อฝาหรือผนัง ที่เป็นโครงสร้างของอาคาร หรือฝาหรือผนังที่เป็นคอนกรีต
( ค ) รื้อบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก
( ง ) รื้อพื้นที่คอนกรีตเสริมเหล็กตั้งแต่ชั้นสองของอาคารขึ้นไป
จากคำจำกัดความเบื้องต้น ถ้าท่านกระทำการใด ๆ ที่เข้าลักษณะดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร ท่านต้องไปยื่นเรื่องราวต่อ “เจ้าพนักงานท้องถิ่น” เพื่อแสดงเจตจำนงว่าจะกระทำการนั้น ๆ คำถามที่ตามมาคือว่าต้องยื่นเรื่องกับใคร ใครคืดเจ้าพนักงานท้องถิ่น ซึ่งใน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ตาม 2522 กำหนดไว้ดังนี้
เจ้าพนักงานท้องถิ่น หมายความว่า
( 1 ) นายกเทศมนตรี สำหรับในเขตเทศบาล
( 2 ) ประธานกรรมการ สุขาภิบาล สำหรับในเขตสุขาภิบาล
( 3 ) ผู้ว่าราชการจังหวัด สำหรับในเขตองค์การบริหารส่วนจังหวัด
( 4 ) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร
( 5 ) ปลัดเมืองพัทยา สำหรับในเขตเมืองพัทยา
( 6 ) หัวหน้าผู้บริหารท้องถิ่นขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
กล่าวโดยสรุปคือ เมื่อท่านต้องการจะกระทำการใด ๆที่เขัาข่ายก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร ตามความหมายข้างต้นท่านต้องไปตรวจสอบดูว่า พื้นที่ ๆ จะก่อสร้างนั้น ๆ อยู่ในเขตเทศบาล สุขาภิบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด กรุงเทพมหานคร พัทยา หรือราชการส่วนท้องถิ่นหรือเปล่า ถ้าใช่ก็นำเรื่องไปยื่นขอต่อ นายกเทศมนตรี ประธานกรรมการสุขาภิบาล ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปลัดเมืองพัทยา หรือหัวหน้าผู้บริหารท้องถิ่นขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นแล้วแต่กรณี เจ้าพนักงานท้องถิ่นก็จะพิจารณาเรื่องราวของท่านตามกฎระเบียบต่อไป
เพื่อให้เข้าใจกันง่าย ๆ สมมุตินางสมศรีสร้างบ้านเรือนอยู่ในเขตเทศบาลแห่งหนึ่ง ต้องการจะต่อห้องนอนออกไปอีก 1 ห้อง กว้าง 3 ม. ยาว 3 ม. ต้องยื่นขออนุญาตหรือไม่ คำตอบ คือ ต้องยื่นขออนุญาต เพราะถึงแม้นางสมศรีจะมีบ้านอยู่แล้ว แต่จะต่อเติมอีก 9 ตร.ม. ( กว้าง 3 ม. ยาว 3 ม. ) ซึ่งถือว่าเป็นการดัดแปลงอาคารก็ต้องยื่นเรื่องราวขออนุญาตต่อนายยกเทศมนตรีในเขตพื้นที่นั้น ๆ
ตัวอย่างอีกกรณี นายสมชาย มีบ้านเป็นตึกแถว อยู่ในเขตสุขาภิบาล ต้องการจะทุบกันสาดทิ้ง เพื่อเหตุผลบางประการ ก็ต้องยื่นเรื่องราวขออนุญาตต่อประธานกรรมการสุขาภิบาล เพราะการทุบกันสาดทิ้งเป็นการรื้อถอนอาคารตามความหมายที่กล่าวมาแล้วข้างต้นด้วย
ในการจะปลูกพืช เพื่อลดภาษีที่ดินรกร้างนั้น อันดับแรก เราต้องจัดการที่ดินของเรา ซึ่งเป็นที่ดินรกร้างเสียก่อน ซึ่งวิธีการจัดการนั้นก็คือต้องใช้รถแบคโฮเข้าไปจัดการ ส่วนจะเลือกจัดการด้วยวิธีใดนั้น หลักๆแล้วจะมีอยู่ 2 วิธีที่
1.การเคลียร์ริ่ง ฝังกลบ เป็นวิธีที่นิยมที่สุด เนื่องจากเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย โดยวิธีการทำก็คือนำแบคโฮไปไถวัชพืชไว้เป็นกองๆ แล้วขุดหลุดในบริเวณที่ดิน จากนั้นนำวัชพืชดังกล่าวใส่ลงไปในหลุ่มที่ขุด และเอาดินกลบ
วัชพืชที่อยู่ในหลุมก็จะย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยไปในที่สุด
2.การเคลียร์ริ่ง ขนทิ้ง เป็นวิธีที่จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องมีรถบรรทุกเข้ามาเกี่ยวข้องในการนำวัชพืชไปทิ้ง โดยมากลูกค้าที่เลือกการเคลียร์ริ่งที่ดินด้วยวิธีนี้ เนื่องจากในบริเวณแปลงที่ดินมีขยะอยู่เยอะมากๆ ไม่สามารถฝังกลบลงไปได้