ไม่มีหมวดหมู่

Settle your outstanding payment. Pay the amount due now. #743-4220

What happened here?
About a few months ago, I gained access to your devices and started tracking your online activity.
I was able to hack into your computer and access your email: services@anawil-demolition.com. Your password was easily compromised.

Your password: AC23041969$$

What’s next?
After a week, I had already installed a Remote Access Trojan (RAT) [Learn more about this] in all your devices.
In fact, it was not difficult at all (since you were clicking on malicious links from incoming emails).
It is very simple. This Trojan gives me access to all your devices (e.g. your microphone, webcam, keyboard and etc.)

[1] I uploaded all your information, data, photos, web browsing history to my servers.
[2] I have access to all your messengers, social networks, emails, chat history and contact list.
[3] My virus constantly updates its signature (it is driver-based), so it remains invisible to antivirus programs.

What should I worry?
In gathering information about you, I discovered that you are a big fan of adult websites.
You really enjoy visiting porn sites, watching videos and pleasuring yourself.
Well, I managed to record some of your dirty scenes that show you masturbating.

If you think this is just a bluff, let me remind you: I have access to your entire life. I can see everything you do, hear everything you say, and read everything you type. Your privacy no longer exists.

What are you going to do?
I can make a few clicks and all your videos will be sent to your friends, colleagues and relatives.
I also don’t mind putting them out in the public domain. I think you really don’t want that, given the specifics of the videos you like to watch (you know exactly what I mean). It would lead to a real disaster for you.

Imagine this: Your boss, your family, your friends – all of them will see these videos. Your reputation will be destroyed, and there will be no way to undo it.

Can we solve this problem?
Let’s solve this problem this way:

You transfer me $743 (USD) In Bitcoin, and as soon as the transfer is received, I will immediately delete all these records, your data from my servers. After that we will forget about each other. I also promise to deactivate and remove all malware from your devices.

It’s a fair deal, and the price is pretty low, considering that I’ve been recording all your actions and monitoring traffic for a long time.
In case you don’t know how to buy and transfer Bitcoin, check out the section ‘How can I buy Bitcoin? There are some useful links there.

You have 6 hours. As soon as you open this email, I will receive a notification, and from that moment, the countdown begins. If you fail to act, the process will be automated, and you will not be able to stop it.

Bitcoin Wallet: bc1qdg5gh0h0z42cnwpe93xwnkrfpt4uelp2kzxe7g
How can I buy Bitcoin?
Check out this sites:

[1] www.coinbase.com/how-to-buy/bitcoin
[2] www.kraken.com/learn/buy-bitcoin-btc

What you should avoid:
[1] Do not try to email me (I sent this email from your mailbox. By the way, it allows you to make sure that I am really telling the truth).
[2] Do not try to contact the police or other security services. Also, forget about telling your friends about it. If I discover this (as you can see, it’s not difficult, because I control all of your systems), your video will be immediately posted to the public.
[3] Do not try to find me – it makes absolutely no sense. All cryptocurrency transactions are anonymous.
[4] Do not try to reinstall the OS on your devices or reset it. It is also pointless because all video, data and contacts are already stored on my remote servers.

What you don’t have to worry about:

[1] That I will not be able to receive your money transfer.
Don’t worry, I will immediately see the transaction as soon as you send it, because I constantly monitor all your actions (my Trojan has a remote control function, something like TeamViewer).

[2] That I will share your videos anyway after you send the funds.
Believe me, I don’t see the point in making trouble for you. It’s just business. If I really wanted to send your videos, I would have done it already.

สัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง

สัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง คืออะไร ตรวจสอบให้ชัด 11 ข้อตกลงที่ระบุในสัญญา

สัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง หรือสัญญาก่อสร้าง เป็นสิ่งสำคัญหลังจากซื้อที่ดินมาแล้วต้องการจะก่อสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง ซึ่งก่อนจะทำการจ้างวานบริษัทรับสร้างบ้าน หรือผู้รับเหมาก่อสร้าง มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงและข้อควรระวังเกี่ยวกับสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง หรือสัญญาก่อสร้าง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับผู้รับเหมาระหว่างการก่อสร้าง

อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

สัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง หรือสัญญาก่อสร้างคืออะไร

สัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง หรือสัญญาก่อสร้าง คือ เอกสารสัญญาที่ระบุความตกลงร่วมกันเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างผู้ว่าจ้าง (เจ้าของบ้าน) ในการจ่ายค่าตอบแทนให้กับงานที่ดำเนินการก่อสร้างตามที่กำหนดตามข้อตกลง และผู้รับจ้าง (ผู้รับเหมาก่อสร้าง) ที่รับผิดชอบดำเนินการก่อสร้างตามรายละเอียดที่ตกลงก่อสร้างตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาว่าจ้างจนแล้วเสร็จ

รายละเอียดที่ควรมีในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง

เนื้อหาสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง จะต้องมีการระบุข้อความชัดเจน ปฏิบัติได้จริง และเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ดังนี้

1. วันที่และสถานที่ทำสัญญา เพื่อระบุให้ทราบว่าสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่เท่าไหร่และมีอายุสัญญากี่ปี

2. ข้อมูลส่วนบุคคลคู่สัญญาระหว่างผู้ว่าจ้าง (เจ้าของบ้าน) และผู้รับจ้าง (ผู้รับเหมาก่อสร้าง) ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ที่อยู่ หน่วยงาน และข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนและตรวจสอบได้

3. ขอบเขตและลักษณะของเนื้องานที่รับผิดชอบ ผู้ว่าจ้างตกลงว่าจ้างผู้รับจ้างทำการก่อสร้างบ้านแบบไหนระบุลงในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของแบบบ้าน และสถานที่ที่ทำการก่อสร้าง

4. ราคา และรายละเอียดการจ่ายงวดงาน

– ค่าจ้างเหมาจ่ายทั้งหมด

– จ่ายชำระก่อนการเริ่มดำเนินการกี่เปอร์เซ็นต์

– แบ่งงวดงานออกเป็นกี่งวดงาน มีรายละเอียดอะไรบ้าง

– จ่ายชำระเงินงวดงานแต่ละงวดงานกี่เปอร์เซ็นต์

5. ระยะเวลาของสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง ตั้งแต่เริ่มดำเนินการก่อสร้าง จนดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ ใช้ระยะเวลาการก่อสร้างโดยประมาณกี่เดือน

6. หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้าง (เจ้าของบ้าน) ควรมีรายละเอียดกำกับไว้อย่างชัดเจนในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง เช่น

– สิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับลดรายการและแบบก่อสร้างเดิม หรือปรับเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างภายในระยะเวลาที่กำหนดที่ตกลงกันไว้ โดยไม่ต้องยกเลิกสัญญาว่าจ้าง แต่ควรทำการตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรและมีความตกลงยินยอมกันทั้ง 2 ฝ่าย

หากการเปลี่ยนแปลงวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างจนกระทบกับความแข็งแรงและมาตรฐานของโครงสร้างตามแบบแปลนเดิม ผู้รับจ้าง (ผู้รับเหมาก่อสร้าง) มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ

– ผู้ว่าจ้างมีสิทธิ์สั่งหยุดงาน หากเห็นว่ามีการดำเนินการไม่ถูกต้องตามแบบแปลน หรือมีสิทธิระงับและไม่จ่ายค่างวดงานในส่วนดังกล่าว หากผู้รับเหมาไม่ทำการแก้ไขหรือซ่อมแซมในส่วนที่เสียหายที่ไม่เป็นไปตามที่แจ้งให้แก้ไข

– ทำการตรวจรับงานแต่ละงวดงาน

7. หน้าที่และความรับผิดชอบของผู้รับจ้าง (ผู้รับเหมาก่อสร้าง)

– ผู้รับจ้างจะต้องดำเนินการก่อสร้างให้ถูกต้องและแล้วเสร็จตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างในระยะเวลาที่กำหนด

– ผู้รับจ้างสามารถโอนงานให้ผู้อื่นได้ แต่ยังคงเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดตามระบุในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง

– หากมีการเพิ่มเติมหรือลดงานส่วนใดส่วนหนึ่งที่ไม่เป็นไปตามแบบ ผู้รับจ้างจะต้องทำเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งให้ผู้ว่าจ้างรับทราบ

– ผู้รับจ้างจะต้องทำการยินยอมให้ตัวแทนของเจ้าของบ้าน หรือเจ้าของบ้านทำการตรวจสอบวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง สถานที่ และขั้นตอนในการก่อสร้าง เพื่อตรวจประเมินผลงานตรงตามแบบแปลนและ BOQ หรือไม่

หากพบว่าวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างไม่เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง ตัวแทนหรือเจ้าของบ้านมีสิทธิ์ที่จะระงับการดำเนินการก่อสร้างและปฏิเสธวัสดุที่ไม่ตรงตามรายละเอียดบัญชีก่อสร้างที่ระบุในสัญญาว่าจ้างได้ทันที

BOQ คืออะไร

BOQ คืออะไร

BOQ คืออะไร ทำไมเจ้าของบ้านควรรู้ก่อนลงมือสร้างบ้าน

8. เครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้าง จะได้มีคุณภาพ เหมาะสมกับลักษณะงาน ควรมีเอกสารรายการระบุแนบท้ายเอกสาร เพื่อใช้ในการตรวจสอบ

9. การประกันคุณภาพผลงานหลังจากการรับส่งมอบงาน โดยระยะเวลาประกันงานขึ้นอยู่กับประเภทงานและการเจรจา โดยส่วนใหญ่อยู่ที่ 1-5 ปี ซึ่งหากเกิดความเสียหายเกิดขึ้นกับตัวบ้านในระยะเวลาเอาประกัน ไม่ว่าจะเป็นหลังคารั่ว บ้านมีรอยแตกร้าว หรือสาเหตุอื่นใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับภัยธรรมชาติ ผู้รับจ้างตกลงทำการแก้ไข ซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานดังเดิม

– ในกรณีที่ผู้ว่าจ้างหรือเจ้าของบ้านทำการต่อเติมบ้านจนผิดหลักทางวิศวกร เป็นเหตุให้ตัวบ้านเกิดการชำรุดเสียหาย จะถือว่า “การประกันคุณภาพงาน” สิ้นสุดลงทันที

10. การยกเลิกสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างและสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหาย ควรทำการระบุให้ชัดเจน หากมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดทำผิดเงื่อนไข จนเกิดความเสียหาย ดังนั้นจึงต้องทำการระบุรายละเอียดเงื่อนไขเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งให้รับทราบและยินยอมรับผิดชอบหากเกิดกรณีดังกล่าว

11. การลงนามตกลงเซ็นสัญญาจ้างรับเหมาก่อสร้าง จะประกอบไปด้วย

– ผู้ว่าจ้าง (เจ้าของบ้าน)

– ผู้รับจ้าง (ผู้รับเหมาก่อสร้าง)

– พยาน 1

– พยาน 2

สัญญาจ้างเหมาก่อสร้างที่ดีช่วยป้องกันปัญหาระหว่างก่อสร้างบ้าน

ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างผู้จ้างงานและผู้รับเหมาก่อสร้าง

ถึงแม้ว่าจะมีการตกลงทำสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างรองรับเรียบร้อยแล้ว แต่ก็อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นตามมาหลังจากเซ็นสัญญาว่าจ้างและเริ่มต้นดำเนินการก่อสร้างได้ ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น มีดังนี้

ปัญหาระหว่างก่อสร้างรายละเอียด
ก่อสร้างล่าช้าไม่สามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนดระยะเวลา
โกงเงินมัดจำเบิกเงินมัดจำแล้ว แต่เข้างานช้า ทิ้งงาน และหนีงานในที่สุด
เปลี่ยนวัสดุ แปลนบ้านปรับเปลี่ยนวัสดุ แปลนบ้านจากเดิม จนเกิดการถกเถียงกัน
ผลงานไม่น่าพอใจผู้รับเหมาไม่มีคุณภาพ ไม่มีความชำนาญเฉพาะทาง
เปลี่ยนทีมช่าง/ลดจำนวนช่างผลงานคุณภาพต่ำ ไม่เป็นที่น่าพอใจ งานล่าช้า
งบประมาณบานปลายจากการปรับเปลี่ยนวัสดุหรืออื่น ๆ จากที่กำหนดไว้เดิม

1. การก่อสร้างล่าช้าไม่เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด ในกรณีนี้อาจมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องที่ทำให้ไม่สามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนดระยะเวลา ซึ่งหากปัจจัยนั้นเกิดจากดิน ฟ้า อากาศ ที่ไม่สามารถควบคุมก็สามารถพูดคุยหรือยืดหยุ่นกันได้

แต่ถ้าหากเกิดจากการขาดความรับผิดชอบของผู้รับเหมา จากการที่ผู้รับเหมาไม่เข้าหน้างาน ทำงานล่าช้าในส่วนนี้ทางผู้รับเหมาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด

2. ขอเบิกเงินเกินงวดงานหรือโกงเงินค่ามัดจำ โดยเบิกค่ามัดจำครั้งแรกสูง ๆ แล้วเข้างานช้า ผู้รับเหมาทิ้งงาน และหนีงานไปในที่สุด

3. เกิดข้อถกเถียงกันเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนวัสดุก่อสร้างหรือปรับเปลี่ยนแบบแปลนบ้านที่ใช้ก่อสร้าง

4. ผลงานไม่น่าพึงพอใจ เนื่องจากผู้รับเหมาไม่มีคุณภาพหรือไม่มีความชำนาญเฉพาะทาง

5. ผู้รับเหมาเปลี่ยนทีมช่างผู้ชำนาญการ โดยช่วงแรกใช้ทีมช่างที่มีประสบการณ์ทำงานรวดเร็ว ผลงานเป็นที่น่าพอใจ หลังจากนั้นเปลี่ยนทีมช่างหรือลดจำนวนช่างที่มีประสบการณ์ทำให้ผลงานที่ได้มีคุณภาพต่ำไม่เป็นที่น่าพอใจ และงานเกิดความล่าช้า

6. งบประมาณการก่อสร้างบานปลาย จากการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมบางส่วนจากแบบแปลนที่กำหนดไว้

5 วิธีเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน

5 วิธีเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน

เลือกบริษัทรับสร้างบ้านอย่างไรให้คุ้มค่าทั้งเรื่องคุณภาพ และราคา ดูได้ที่นี่

สัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง ข้อควรระวัง

1. สัญญาจ้างเหมาก่อสร้างมีความคลุมเครือ ควรระบุเงื่อนไข รายละเอียดต่าง ๆ ในสัญญาจ้างให้ชัดเจนไม่คลุมเครือ เพื่อป้องกันกรณีเจอผู้รับเหมาที่ไม่ดี ไม่มีความซื่อตรงในวิชาชีพ อาจทำให้เราเสียเปรียบได้ เมื่อตกลงเซ็นสัญญาว่าจ้างเรียบร้อยแล้ว

2. เปอร์เซ็นต์การจ่ายเงินแต่ละงวดเหมาะสมกับปริมาณงานหรือไม่ โดยอ้างอิงจากบัญชีแสดงราคาและปริมาณวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง หรือ BOQ

3. ขั้นตอนการดำเนินการก่อสร้างกับระยะเวลาสมเหตุสมผลหรือไม่ ระบุวัน เวลา ที่ชัดเจนในการส่งงานในแต่ละงวดงานก่อนการจ่ายค่างวด

4. ระยะประกันงานหลังการก่อสร้าง กรณีเกิดความเสียหายหรือชำรุดหลังการส่งมอบงาน

5. สิทธิในการยกเลิกสัญญา กรณีผู้รับเหมาขาดความรับผิดชอบหรือไม่ดำเนินการตามที่ระบุในสัญญา

ตัวอย่างสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง หรือสัญญาก่อสร้าง ดาวน์โหลดได้ที่นี่

แม้ว่าการก่อสร้างบ้านโดยการจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือบริษัทรับสร้างบ้าน จะมีโอกาสได้บ้านที่ตอบโจทย์ตรงใจมากกว่าซื้อบ้านจัดสรร แต่ก็ควรให้ความสำคัญกับการทำสัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง หากยังสองจิตสองใจ ลองดูบ้านโครงการใหม่เพิ่มเติมได้ที่นี่

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น Falcon Generation ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท อนาวิล กรุ๊ป จำกัด ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ

รื้อบ้าน-รื้อถอนอาคาร กรณีที่ต้องทำให้ถูกกฎหมาย มีขั้นตอนอย่างไร

รื้อบ้าน-รื้อถอนอาคาร 2 กรณีที่ต้องทำให้ถูกกฎหมาย มีขั้นตอนอย่างไร

รื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคาร ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่เจ้าของบ้านจำเป็นต้องศึกษาทำความเข้าใจให้ดี เพราะการรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคารต้องพิจารณาในแง่ของการก่อสร้างและกฎหมายควบคู่กันไปด้วย ลองมาดูข้อควรรู้ ข้อควรระวัง และข้อปฏิบัติในการรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคารให้ปลอดภัยทั้งต่อผู้อาศัยและถูกต้องตามกฎหมาย

อ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

เรื่องควรรู้เกี่ยวกับการรื้อบ้าน รื้ออาคาร

การรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคารต่าง ๆ ล้วนจำเป็นต้องทำโดยได้รับใบอนุญาตเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 39 ทวิ โดยบ้านและอาคารที่ต้องรื้อถอนนั้นต้องเข้าข่ายลักษณะต่อไปนี้

1. บ้านหรืออาคารสูงเกิน 50 เมตร ซึ่งระยะห่างจากอาคารหรือที่สาธารณะน้อยกว่าความสูงของอาคารนั้น

2. บ้านหรืออาคารอยู่ห่างอาคารอื่นหรือที่สาธารณะน้อยกว่า 2 เมตร

ยกตัวอย่าง บ้านของคุณสูงเกิน 15 เมตร โดยบริเวณนั้นก็มีอาคารอื่น ๆ หรือชุมชนล้อมรอบ มีระยะห่างไม่ถึง 15 เมตร เจ้าบ้านก็ต้องทำเรื่องขออนุญาตรื้อบ้าน เป็นต้น

ทั้งนี้ยังมีกรณีซ่อมแซมหรือต่อเติมเล็ก ๆ น้อย ๆ บางกรณีที่ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องขออนุญาต โดยเจ้าบ้านลงมือทำได้ทันทีตามสมควร ไม่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก่อน กรณีดังกล่าวอ้างอิงตามกฎกระทรวงฉบับที่ 11 พ.ศ. 2528 ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ได้แก่

1. การ “เพิ่ม” หรือ “ลด” เนื้อที่ของพื้นชั้นใดชั้นหนึ่งรวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน ซึ่งหมายความว่า ถ้าเกินกว่า 5 ตารางเมตร ก็ต้องขออนุญาต

2. การ “เพิ่ม” หรือ “ลด” เนื้อที่ของหลังคารวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร และไม่มีการเพิ่มหรือลดจำนวนเสาหรือคาน หมายความว่า ถ้าเกินกว่า 5 ตารางเมตร ก็ต้องขออนุญาต

3. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้วัสดุ ขนาด จำนวน และชนิดเดียวกับของเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเป็นวัสดุที่แตกต่างจากเดิม ต้องขออนุญาต

4. การเปลี่ยนส่วนใด ๆ ภายในบ้านที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร ด้วยการใช้วัสดุชนิดเดียวกับของเดิม หรือวัสดุชนิดอื่นที่ไม่ได้เพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างของอาคารเดิมเกิน 10% ของน้ำหนักเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยนแปลงส่วนใด ๆ ภายในบ้านด้วยวัสดุที่แตกต่างจากเดิม หรือเพิ่มน้ำหนักเกินกว่า 10% ของน้ำหนักเดิม ต้องขออนุญาต

5. การเปลี่ยน ต่อเติม เพิ่ม ลด เนื้อที่ส่วนใด ๆ ก็ตามในบ้านที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร และไม่เพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างเกิน 10% ของโครงสร้างอาคารเดิม ซึ่งหมายความว่า ถ้าเรามีการเปลี่ยน ต่อเติม เพิ่ม ลด เนื้อที่ในบ้านด้วยวัสดุที่แตกต่างจากเดิม หรือเพิ่มน้ำหนักเกินกว่า 10% ของน้ำหนักเดิม ต้องขออนุญาต

ถ้าพิจารณาจากข้อยกเว้น 5 ข้อแล้ว จะเห็นว่า การต่อเติมส่วนใหญ่ที่เรา ๆ ทำกันอยู่ ล้วนต้องขออนุญาต เพราะพื้นที่ที่เราต่อเติม ส่วนใหญ่จะเกินกว่า 5 ตารางเมตร

หากต้องการลงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการต่อเติมบ้านโดยไม่ต้องขออนุญาต อ่านบทความ แบบต่อเติมบ้าน 5 กรณีที่ไม่ต้องขออนุญาตสำนักงานเขต ถ้าคิดจะต่อเติม

รื้อบ้าน-รื้อถอนอาคาร ให้ถูกกฎหมายต้องทำอย่างไร

เมื่อพิจารณาแล้วว่าบ้านหรืออาคารของเราจำเป็นต้องรื้อถอนออก เจ้าบ้านควรยื่นเรื่องขอรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคารจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยขั้นตอนที่ถูกต้องตามกฎหมายมีข้อปฏิบัติต่าง ๆ ดังนี้

ขั้นเตรียมการก่อนรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคาร

ผู้ยื่นขออนุญาตจำเป็นต้องเตรียมเอกสาร เพื่อขอยื่นคำอนุญาตที่สำนักงานเขตหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดูแลพื้นที่ที่จะทำการรื้อถอนบ้าน เอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้

1. แบบบ้านประกอบด้วย

แบบแปลนทุกชั้น

– รูปด้าน จำนวน 2 รูป

– รูปตัด 2 รูป

– รายการประกอบแบบ (ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอนการรื้อถอน วัสดุที่ใช้ โดยลงรายละเอียดให้ครบถ้วนตามหลักการรื้อถอนอาคาร)

2. คำร้อง ข.1

3. สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ยื่นขออนุญาต

4.ใบยินยอมที่ดิน (ใช้ยื่นกรณีที่ผู้ยื่นขออนุญาตไม่ใช่เจ้าของที่นั้น)

5. บัตรทะเบียนบ้านเจ้าของที่ดิน

6. สำเนาหรือภาพถ่ายโฉนดที่ดินเท่าฉบับจริง

7. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรและสถาปนิก

– หนังสือแสดงความยินยอมและรับรองวิศวกรและสถาปนิก

– สำเนาใบประกอบวิชาชีพของวิศวกรและสถาปนิก

– หนังสือแสดงความยินยอมและรับรองผู้ควบคุมงานของวิศวกรและสถาปนิก

– สำเนาใบอนุญาตของผู้ประกอบวิชาชีพ

8. เอกสารอื่น ๆ

– การแสดงระบบบำบัดน้ำเสีย

– รายการคำนวณระบบบำบัดน้ำเสีย

*กรณีที่การรื้อถอนอาคารนั้นเป็นที่ทำการของโรงงานอุตสาหกรรม ตลาดสด ร้านอาหาร ห้องพัก โรงพยาบาล

ขออนุญาตก่อสร้างบ้านมีขั้นตอนอย่างไร

ขออนุญาตก่อสร้างบ้านมีขั้นตอนอย่างไร

เอกสารการขออนุญาตก่อสร้างบ้าน และ 4 ขั้นตอน การขออนุญาตก่อสร้าง

ขั้นยื่นคำร้องขอรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคาร

เมื่อเตรียมเอกสารสำหรับยื่นอนุญาตครบถ้วนแล้วนั้น ก็ทำเรื่องกับเจ้าหน้าที่ได้ทันที โดยผู้ยื่นขออนุญาตต้องชำระค่าธรรมเนียมในวันที่ยื่นคำร้อง รวมทั้งรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารทั้งหมด เพื่อออกใบอนุญาตรื้อถอนอาคารให้แก่ผู้ขอยื่นอนุญาตต่อไป

ขั้นตอนเตรียมรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคาร

หลังจากเจ้าหน้าที่ออกใบอนุญาตรื้อถอนอาคารให้แล้ว ผู้ยื่นขออนุญาตก็เริ่มดำเนินการรื้อถอนอาคารได้ โดยต้องเตรียมการดังนี้

การดำเนินการรายละเอียดในการดำเนินการ
ปิดป้ายรื้อถอนลงรายละเอียดเกี่ยวกับการรื้อถอนดังกล่าวให้ครบถ้วนตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
แสดงใบอนุญาตส่งมอบใบอนุญาตก่อสร้างพร้อมแบบแปลนประจำติดไว้ที่ทำการก่อสร้างรื้อถอน
ระบุระยะเวลา-ผู้รับผิดชอบระบุวันเริ่มต้นและสิ้นสุดการรื้อถอนอาคาร ผู้ควบคุมงาน และหนังสือแสดงความยินยอมของผู้ควบคุมงานแก่สำนักงานเขตพื้นที่หรือองค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นที่ไปยื่นเรื่องอีกครั้ง
รื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคาร ไม่ขออนุญาต มีทั้งโทษจำและโทษปรับ

รื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคาร ไม่ขออนุญาต ต้องรับโทษอะไรบ้าง

หากเราดำเนินการรื้อถอนบ้านหรืออาคารโดยไม่ขออนุญาต ฝ่าฝืนไม่ขออนุญาตเพื่อดำเนินการรื้อถอน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในใบขออนุญาตรื้อถอนอาคารนั้น จะได้รับโทษตามกฎหมาย

โดยจะถูกจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกทั้งจะถูกปรับรายวันไม่เกินวันละ 10,000 บาท กรณีที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบของใบขออนุญาตรื้อถอนอาคารให้ถูกต้อง

นอกจากนี้ หากแก้ไขการรื้อถอนให้ถูกต้องตามใบขออนุญาตไม่ได้ หรือเจ้าบ้านไม่ยินยอมแก้ไขโดยดี ก็จำเป็นต้องสั่งรื้อถอนบ้านหรืออาคารนั้นทั้งหมด

หากยังเพิกเฉยต่อคำสั่งของเจ้าหน้าที่ ก็จะได้รับโทษจำคุกเพิ่มไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100.000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งปรับรายวันไม่เกินวันละ 30,000 บาท จนกว่าจะแก้ไขให้ถูกต้อง

รื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคาร ใช้ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ อะไรบ้าง

โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายสำหรับรื้อบ้านหรือรื้อถอนอาคารนั้นจะตกอยู่ประมาณ 5,000-30,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดบ้านและระดับความยากง่ายในการรื้อถอน

นอกจากนี้ หากมีการออกแบบหรือต่อเติมบ้านหรืออาคารเพิ่มเติม ก็อาจมีค่าใช้จ่ายส่วนอื่นเพิ่มขึ้นมาตามสมควร โดยอัตราค่าออกแบบตามมาตรฐานของสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ครอบคลุมเฉพาะการออกแบบและตกแต่งภายใน ดังนี้

1. อัตราค่าออกแบบบ้านพักที่มีงบประมาณไม่เกิน 10 ล้านบาท คิดเป็น 7.5% ของงบประมาณ

2. อัตราค่าออกแบบสำหรับการตกแต่งภายในที่มีงบไม่เกิน 10 ล้านบาท คิดเป็น 10% ของงบประมาณ

ที่สำคัญ ใครที่วางแผนต่อเติมหรือสร้างบ้านหลังใหม่อยู่ อย่าลืมเรื่องสัญญาการก่อสร้าง เพื่อไม่ให้เสียรู้ให้กับผู้รับเหมา อ่านเพิ่มเติมได้ที่ สัญญาจ้างเหมาก่อสร้าง 4 ข้อควรระวัง พร้อมตัวอย่างสัญญาจากสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลทั่วไปเท่านั้น Anawil Demolition ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ Falcon Generation ไม่สามารถรับรองหรือรับประกันเกี่ยวกับข้อมูล รวมทั้งไม่สามารถรับรองหรือรับประกันใด ๆ เกี่ยวกับความเหมาะสม สำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะใด ๆ ของข้อมูล ตามขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แม้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ถูกต้อง เชื่อถือได้ และครบถ้วน ณ เวลาที่เขียน แต่ข้อมูลที่ให้ไว้ในบทความนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการตัดสินใจทางการเงิน, การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือทางกฎหมายทันที ผู้อ่านไม่ควรใช้ข้อมูลในบทความ แทนคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมซึ่งสามารถพิจารณาข้อเท็จจริงและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณได้ ทั้งนี้ เราไม่สามารถรับผิดชอบใด ๆ หากคุณเลือกที่จะนำข้อมูลไปใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ

ขั้นตอนการ เคลียร์ริ่งพื้นที่รกร้าง ปลูกกล้วย

1.ลูกค้าทักแชทมา เพื่อส่งข้อมูลที่จำเป็น ได้แก่ ตำแหน่งที่ดิน รูปภาพที่ดินเบื้องต้น และจำนวนพื้นที่ ที่ต้องการให้เราทำการเคลียร์ริ่งพื้นที่รกร้าง และปลูกกล้วย ว่ามีกี่ตารางวา

2.ทางเราจะประเมินราคาค่าเคลียร์ริ่งพื้นที่รกร้างกลับไปให้ทราบว่าจะมีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ โดยค่าเคลียร์ริ่งพื้นที่รกร้างราคาจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปริมาณความรกของพื้นที่และความยากง่ายในหลายๆปัจจัย แต่โดยเบื้องต้น ราคาค่าเคลียร์ริ่งพื้นที่รกร้างของเราจะอยู่ที่เรท 10,000 – 15,000 บาท สำหรับการเคลียร์ริ่งแบบฝังกลบ และ 20,000 – 30,000 บาทต่อไร่สำหรับการเคลียร์ริ่ง และขนทิ้งออกไปทิ้งด้วยรถบรรทุก ในกรณีที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ในพื้นที่และต้องการตัดออก ค่าบริการจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ขนาดต้นไม้และความยากง่ายโดยราคาสูงสุดจะอยู่ที่ไม่เกินต้นละ 5,000 บาท

3.ในบางเคสอาจต้องมีการขอเข้าไปสำรวจพื้นที่จริงก่อนทำงาน เพราะต้องดูทางเข้า ออก เพื่อที่จะเลือกนำแบคโฮไซส์ที่เหมาะสมสำหรับที่ดินที่จะเข้าทำงาน

4.เมื่อเคลียร์ริ่งพื้นที่เรียบร้อย กลายเป็นพื้นที่เรียบๆแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนของการนำกล้วยมาปลูก โดยจะปลูกที่จำนวน 200 ต้น ต่อไร่ เพื่อให้เข้าเกณฑ์ที่ดินเกษตรกรรม ซึ่งสามารถใช้ลดภาษีที่ดินรกร้างได้ จำนวนต้นกล้วยจะผันแปรไปตามอัตราส่วนดังกล่าว

ยกตัวอย่างเช่น
-มีที่ดิน 0.5 ไร่ ต้องปลูกกล้วย 100 ต้น
-มีที่ดิน 1.5 ไร่ ต้องปลูกกล้วย 300 ต้น

5.กล้วยที่เราใช้ จะเป็นกล้วยน้ำว้า พันธุ์มะลิอ่อง ซึ่งเป็นกล้วยพันธุ์ที่ทนที่สุด คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเกษตรกรตัวจริง เพราะกล้วยพันธุ์นี้ ไม่ต้องการ การดูแลรักษาก็สามารถเติบโต เจริญงอกงาม เป็นต้นขึ้นมาได้อย่างสวยงาม ราคาหน่อกล้วย รวมค่าแรงปลูก อยู่ที่หน่อละ 50 บาท โดยเราจะใส่เจลโพลิเมอร์ลงที่ก้นหลุมในขั้นตอนการปลูกเพื่อคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ทำให้ไม่ต้องรดน้ำในช่วงแรกของการปลูก ซึ่งเป็นช่วงที่กล้วยต้องการน้ำ และเมื่อกล้วยเริ่มยืนต้นแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรดน้ำอีก
โดยเราจะปลูกวางเป็นแนวสวยงามแบบมืออาชีพ ห่างกันประมาณต้นละ 3 เมตร

6.จ่ายค่าบริการทั้งหมดเมื่อจบงาน ไม่มีเบิกก่อน ไม่มีชาร์จเพิ่มระหว่างทาง

7.ลดภาษีที่ดินรกร้างได้ 100%

ให้มืออาชีพอย่างเราช่วยคุณลดปัญหาภาษีที่ดินรกร้าง 
โทร 094-097-7526
ทักไลน์ คลิ๊ก

บริการเสริมที่แนะนำ
-ล้อมรั้วลวดหนามในราคาพิเศษ เพื่อเป็นหลักเขตของที่ดิน และป้องกันผู้อื่นเข้าไปใช้ประโยชน์จากที่ดิน เช่น นำขยะขนใส่รถบรรทุกมาดัํมพ์ทิ้งในที่ดิน
-ประตูเหล็กสำหรับใช้สัญจรเข้าที่ดิน เปิด-ปิด ลงกลอน ใส่กุญแจได้ มีให้เลือกทั้งขนาดประมาณ 1 เมตรสำหรับให้คนเดินเข้า และขนาด 3 เมตรเพื่อให้รถผ่านเข้าไปได้

รับซื้อบ้านไม้เก่า คืออะไร

รับซื้อบ้านไม้เก่า คืออะไร

การรับซื้อบ้านไม้เก่า คือการที่คนซื้อไปซื้อบ้านไม้เก่าถึงบ้านที่ต้องการขาย หรือพูดง่ายๆก็คือ ไปซื้อถึงที่ โดยที่จะมีทีมช่างไม้ไปรื้อไม้ออกมาเป็นแผ่นๆจากตัวบ้านที่เข้าไปซื้อ และจะนำรถบรรทุกมาขนไม้ที่รื้อกลับไปที่โรงไม้เพื่อตัดแต่งไม้ที่ได้มาให้อยู่ในสภาพพร้อมขายให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้ไม้ในลำดับถัดไป

ใครบ้างที่จะขายบ้านไม้เก่า
ผู้ที่จะขายบ้านไม้เก่า โดยทั่วไปจะสามารถจำแนกได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1.กลุ่มที่ขายที่ดินได้ กลุ่มนี้จะทำการขายบ้านไม้เก่าออกไปก่อน ให้เหลือไว้แต่ที่ดิน ก่อนส่งมอบที่ดินให้เจ้าของใหม่ การทำแบบนี้จะทำให้เจ้าของที่ดินเดิมนอกจากจะได้เงินจากการขายที่ดินแล้ว ยังได้เงินเพิ่มอีกนิดหน่อย จากการขายบ้านไม้เก่าด้วย


2.กลุ่มเจ้าของที่ดินใหม่ กลุ่มนี้บางทีต้องการที่ดินบริเวณซื้อมาเพื่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ จึงทำการขายบ้านไม้เก่าเพื่อทำเงินและยังเป็นการได้รื้อบ้านเก่าส่วนที่เป็นไม้ฟรีไปในตัวอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามในฝั่งของผู้ซื้อบ้านไม้เก่านั้น การซื้อบ้านไม้เก่าและการรื้อถอนอาคารและเคลียร์ขยะเคลียร์พื้นที่ จะนับว่าเป็นงานคนละส่วนกัน งานส่วนรื้อถอน*นั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับผู้ขายบ้านไม้เก่าเสมอ  เพราะไม่ใช่ว่าทุกอย่างที่อยู่ในบ้านจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ยกตัวอย่างเช่นพื้นปูน ผนังปูน เป็นต้น ดังนั้นถ้าต้องการเคลียร์พื้นที่ให้พร้อมสำหรับการปลูกสร้างครั้งใหม่ด้วยจะไม่สามารถการันตีได้ว่าการขายบ้านไม้เก่านี้ ผู้ขายบ้านไม้เก่าจะเป็นฝ่ายได้เงิน 100% โดยปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องว่า ผู้ขายบ้านไม้เก่าจะได้เงินหรือจะต้องจ่ายเพิ่มก็ขึ้นอยู่กับปริมาณไม้และคุณภาพของไม้ว่าเมื่อตีเป็นมูลค่าออมาแล้ว หักกลบลบหนี้กับค่ารื้อถอนอาคารเคลียร์ขยะเคลียร์พื้นที่ จะออกมาเป็นผู้ขายได้เงินหรือต้องจ่ายเพิ่ม หรือบางกรณีเจ๊ากัน เป็นการรื้อพร้อมเคลียร์ให้ฟรีก็มีบ่อยครั้ง

*หมายเหตุ งานรื้อถอนนั้น ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจะมีอาทิเช่นค่าพนักงานรื้อถอน ค่าจ้างรถแบคโฮ ค่ารถบรรทุกขนเศษซากจากการรื้อถอนไปทิ้ง ค่าทิ้งขยะที่ต้องจ่ายให้กับบ่อขยะ ค่าเครื่องมืออุปกรณ์และค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆอีกมากมาย

3.กลุ่มเจ้าของที่ดินเดิม ที่ต้องการรื้อบ้านเก่าทิ้งเพื่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้สวยถูกใจ หรือทันสมัย คงทน แข็งแรงมากขึ้น กลุ่มนี้ก็จะคล้ายๆกับกลุ่มที่ 2

ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการขายบ้านไม้เก่า

1.อย่ารื้อไม้ออกมากองไว้ก่อน ข้อนี้แทบจะเป็นข้อที่สำคัญที่สุดสำหรับการขายบ้านไม้เก่า เพราะถ้าผู้ขายรื้อไม้ออกมากองไว้ก่อน จะมีโอกาสสูงมากที่ผู้ซื้อบ้านไม้เก่า จะปฏิเสธไม่ซื้อบ้านหลังนั้น เนื่องจากผู้ซื้ออาจจะมองว่าไม้สภาพดีได้ถูกนำออกไปหมดแล้ว

2.ถ้าถนนแคบ รถ 6 ล้อไม่สามารถเข้าถึงตัวบ้านได้ จะขายออกค่อนข้างยาก เนื่องจากเป็นอุปสรรคต่อการขนย้ายไม้

3.ถ้าในบ้านไม่มีน้ำ-ไฟ จะขายออกค่อนข้างยาก เพราะช่างรื้อไม้ส่วนใหญ่จะพักอาศัยอยู่ในบ้านไม้เก่าหลังที่รื้อเนื่องจากการรื้อไม้ต้องใช้ระยะเวลาหลายวัน

4.ราคาตอนขายไม้เก่า จะไม่เท่ากับราคาตอนที่ซื้อไม้มาสร้างบ้าน เนื่องจากไม้ที่ขายนั้น ผู้ซื้อต้องมีต้นทุนอื่นๆอีกหลายอย่าง เช่น ค่าแรงช่างรื้อไม้ ค่าขนส่ง ค่าตัดแต่งไม้ให้อยู่ในสภาพพร้อมขาย ค่าสต๊อกสินค้า และอื่นๆอีกมากมาย

เลือกขายบ้านไม้เก่ากับเรา ให้ราคาสูง ประเมินถึงที่ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ทักไลน์ ส่งรูป แชรโลให้เรา คลิ๊ก

ว่าด้วยเรื่องใบอนุญาติรื้อถอน

อาคารลักษณะใดต้องมีใบอนุญาตรื้อถอน

ถ้าอาคารมีส่วนสูงเกิน 15 เมตรและอยู่ห่างจากอาคารอื่นหรือที่สาธารณะน้อยกว่าความสูงของอาคาร หรืออยู่ห่างจากอาคารอื่นหรือที่สาธารณะน้อยกว่า 2 เมตร ตามมาตรา 34 ของพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ผู้ที่ต้องการรื้อถอนอาคารดังกล่าวจะต้องขอใบอนุญาตรื้อถอนจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก่อนทำการรื้อถอน โดยการขอใบอนุญาตจะต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของพระราชบัญญัติ และการออกใบอนุญาตจะได้รับการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ก่อนทำการรื้อถอนอาคาร นอกจากนี้ ยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและระเบียบการใช้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรื้อถอนอาคารด้วย โดยผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดดังกล่าวจะถูกกำหนดโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาทต่อวัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับคำสั่งหรือวินิจฉัย จนกระทั่งมีการปฏิบัติตามหรือถูกพิจารณาคดีโดยศาล และหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือวินิจฉัยภายในเวลาที่กำหนด ผู้ที่ผิดกฎหมายยังอาจถูกปรับต่อเนื่องตามมาตรา 35

ขั้นตอนในการขอใบอนุญาตรื้อถอน

การขอใบอนุญาตรื้อถอนในประเทศไทยจะต้องเป็นไปตามกฎหมายที่ได้รับการกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบวิธีการรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง พ.ศ. 2543 ซึ่งกำหนดให้มีขั้นตอนดังนี้

1. ให้เจ้าของสิ่งก่อสร้างเข้าไปยื่นคำขอใบอนุญาตรื้อถอนที่หน่วยงานท้องถิ่นที่มีอำนาจออกใบอนุญาตรื้อถอน เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล หรือเทศบาลนครหรือเทศบาลโอเพอร์เรชัน

2. หลังจากได้ยื่นคำขอใบอนุญาตรื้อถอนแล้ว จะต้องรอการตรวจสอบสถานที่และการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานท้องถิ่น

3. เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้ว หน่วยงานท้องถิ่นจะออกใบอนุญาตรื้อถอนและแจ้งให้เจ้าของสิ่งก่อสร้างทราบ

4. เจ้าของสิ่งก่อสร้างจะต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรื้อถอนตามที่กำหนดโดยหน่วยงานท้องถิ่น

หากท่านต้องการขอใบอนุญาตรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง ควรติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและขั้นตอนการขอใบอนุญาตรื้อถอนได้ที่หน่วยงานท้องถิ่นที่มีอำนาจออกใบอนุญาตรื้อถอนใกล้เคียงกับพื้นที่ที่ต้องการรื้อ

ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรื้อถอน

ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรื้อถอนสิ่งก่อสร้างจะแตกต่างกันไปตามพื้นที่และลักษณะของสิ่งก่อสร้างที่ต้องรื้อถอน ซึ่งจะต้องประเมินจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานท้องถิ่นที่มีอำนาจออกใบอนุญาตรื้อถอน โดยปกติแล้วค่าธรรมเนียมจะประกอบด้วย

1. ค่าธรรมเนียมตรวจสอบสถานที่และการรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง
2. ค่าธรรมเนียมออกใบอนุญาตรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง

ค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจมีการกำหนดไว้ในกฎหมายหรือข้อบังคับของหน่วยงานท้องถิ่นที่มีอำนาจออกใบอนุญาตรื้อถอน หรืออาจจะต้องติดต่อสอบถามที่หน่วยงานท้องถิ่นเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมก่อนจะยื่นคำขอใบอนุญาตรื้อถอนได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน

ระยะเวลาในการขอใบอนุญาตรื้อถอน

ระยะเวลาในการขอใบอนุญาตรื้อถอนสิ่งก่อสร้างจะแตกต่างกันไปตามหน่วยงานและพื้นที่ โดยทั่วไปแล้วหน่วยงานที่มีอำนาจออกใบอนุญาตรื้อถอนจะกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาคำขอใบอนุญาตรื้อถอนในกฎหมายหรือข้อบังคับของหน่วยงานนั้น ๆ

ในบางกรณี หน่วยงานอาจต้องการเวลาในการตรวจสอบสถานที่และข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมก่อนการออกใบอนุญาตรื้อถอน ซึ่งอาจทำให้ระยะเวลาในการพิจารณาคำขอใบอนุญาตรื้อถอนเพิ่มเติมได้

ดังนั้น หากต้องการขอใบอนุญาตรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง ควรติดต่อสอบถามหน่วยงานที่มีอำนาจออกใบอนุญาตรื้อถอนในพื้นที่นั้น ๆ เพื่อขอข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับการยื่นคำขอใบอนุญาตรื้อถอนให้ถูกต้อง และสามารถประมาณระยะเวลาที่จะใช้ในการพิจารณาได้ด้วย

รื้อถอนโดยไม่มีใบอนุญาต

การรื้อถอนโดยไม่มีใบอนุญาตเป็นการกระทำผิดกฎหมายและอาจมีผลกระทบต่อผู้กระทำการ โดยการรื้อถอนโดยไม่มีใบอนุญาตอาจเป็นการละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อม การก่อสร้าง หรืออาคาร ที่เป็นที่ตั้งของสถานประกอบการอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายทางกฎหมายและเสียค่าเสียหายแก่ผู้ที่เป็นเจ้าของหรือผู้มีสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น ๆ

นอกจากนี้ การรื้อถอนโดยไม่มีใบอนุญาตอาจเป็นการละเมิดกฎหมายสิทธิ์ทางทรัพย์สิน หรือละเมิดสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยของผู้อื่น ทำให้ผู้กระทำการสามารถถูกดำเนินคดีและต้องชดใช้ค่าเสียหายตามกฎหมายได้

ดังนั้น หากมีความจำเป็นต้องรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง ควรขอใบอนุญาตรื้อถอนจากหน่วยงานที่มีอำนาจออกใบอนุญาตรื้อถอนและปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นและสิ่งแวดล้อม และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เบอร์โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม การขอใบอนุญาตรื้อถอน

หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตรื้อถอน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่หน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ของท่าน เช่น หน่วยงานเจ้าหน้าที่ควบคุมการใช้ที่ดิน หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมและกฎหมายสิทธิ์ทางทรัพย์สิน

นอกจากนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมการปกครอง โทร. 0 2356 1234 หรือเข้าชมเว็บไซต์ของกรมการปกครอง www.moi.go.th

รถแบคโฮหรือรถขุด มีกี่ประเภท

รถแบคโฮหรือรถขุด มีกี่ประเภท

1.รถขุดตีนตะขาบ (Crawler excavators) : รถขุดตีนตะขาบเหล่านี้เป็นประเภทรถขุดทั่วไปและใช้สำหรับงานที่หลากหลาย มีรูปรางเหมือนรถถังและโดยทั่วไปจะมีขนาดใหญ่กว่าและมีกำลังมากกว่ารถขุดประเภทอื่นๆ เหมาะสำหรับการขุดฐานราก การปรับระดับ และการรื้อถอน


2.รถขุดล้อยาง (Wheeled excavators) : รถขุดประเภทนี้มีล้อยางแทนที่จะเป็นตีนตะขาบ และโดยทั่วไปแล้วจะมีขนาดเล็กกว่าและมีความคล่องตัวมากกว่ารถขุดตีนตะขาบ เหมาะสำหรับงานต่างๆ เช่น การขุด การคัดเกรด และการเคลื่อนย้ายวัสดุ และมักใช้ในเขตเมืองหรือบนถนน


3.รถขุดขนาดเล็ก (Mini excavators) : รถขุดขนาดเล็กเป็นเครื่องจักรขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ซึ่งเหมาะสำหรับงานต่างๆ เช่น การขุดร่องน้ำ การปรับพื้นที่ และการรื้อถอน เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัดหรือสถานที่ที่รถขุดขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงได้


4.รถขุดหน้าตักหลังขุด (Backhoe excavators) : รถขุดเหล่านี้มีถังที่ด้านหน้าและรถขุดที่ด้านหลัง ทำให้ใช้งานได้อเนกประสงค์ เช่น การขุด คัดเกรด และการรื้อถอน มักใช้กับโครงการก่อสร้างขนาดเล็กหรืองานซ่อมบำรุง


5.รถขุดตีนตะขาบระยะไกล (Long-reach excavators) : รถขุดประเภทนี้มีแขนและบูมที่ยาว ช่วยให้สามารถเข้าถึงสิ่งกีดขวางได้ เหมาะสำหรับงานต่างๆ เช่น การขุดร่องลึกหรือการวางวัสดุในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก


6.รถขุดลากไลน์ (Dragline excavator) : เป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่และหนัก ซึ่งเหมาะสำหรับงานต่างๆ เช่น การขุดฐานรากหรือการขุดดินจำนวนมาก มีบูมยาวและถังที่ห้อยลงมาจากสายเคเบิล ช่วยให้ขุดร่องลึกหรือเอาวัสดุจำนวนมากออกได้

การเลือกดินถมที่ เพื่อเตรียมสำหรับสิ่งปลูกสร้างชนิดต่างๆ

การเลือกดินถมที่ เพื่อเตรียมสำหรับสิ่งปลูกสร้างชนิดต่างๆ

การสร้างสิ่งปลูกสร้างนั้น รากฐานที่มั่นคงเป็นสิ่งที่สำคัญในลำดับต้นๆ การที่รากฐานจะมั่นคงได้นั้น ดินที่นำมาใช้ถมก็ถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมาก ดังนั้นการเลือกดินให้ถูกประเภท ก็เหมือนกับว่าเริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะหากเลือกไม่ดีนั้นอาจมีปัญหาบ้านทรุด บ้านเอียง หรืออื่นๆตามมาได้ในภายหลัง

และหนึ่งในปัจจัยที่จะลืมไม่ได้ คือระยะเวลาที่ต้องการปลูกสร้าง หากต้อการปลูกสร้างเลยหลังจากถมดินเสร็จ ต้องใช้ดินที่มีความหนาแน่นสูงเช่น ดินซีแลค หรือดินลูกรัง แต่ราคาก็อาจจะแพงกว่าตัวเลือกอื่นๆ หากไม่รีบก็สามารถใช้ดินประเภทอื่นๆที่มีความหนาแน่นต่ำ และให้เวลาช่วยให้ดินยุบตัวเพื่อเพิ่มความหนาแน่นก็จะช่วยเซฟค่าใช้จ่ายได้

ทีนี้เรามาดูว่าดินแต่ละประเภทเหมาะกับสิ่งปลูกสร้างแบบใดบ้างกันดีกว่า

  • ดินดาน (ซีแลค) เหมาะที่สุดสำหรับการถมที่สร้างบ้าน และสามารถใช้สร้างโกดังหรือโรงงาน ได้ด้วย
  • ดินลูกรัง เหมาะใช้ในการถมทำถนน ลานจอดรถ และโกดังหรือโรงงาน
  • ดินทราย ใช้สร้างบ้านได้ แต่บ้านนั้นต้องไม่ใกล้กับแหล่งน้ำ เช่นบึง หรือบ่อน้ำ
  • ดินดำ (หน้าดิน) เหมาะกับการถมที่สำหรับพื้นที่ที่จะเตรียมไว้ใช้ปลูกต้นไม้ สนามหญ้า หรือจัดสวน
  • ทราย เหมาะกับการใช้ทำถนน หรือปั๊มแก๊ส
  • หินคลุก เหมาะกับการทำลานจอดรถ
  • ดินเหนียว เหมาะกับพื้นที่ที่จะใช้ปลูกพืชที่ต้องการน้ำมาก เพราะมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี เช่น ข้าว และพืชน้ำชนิดต่างๆ

จากด้านบนในบางข้อ อาจจะสังเกตุว่าสิ่งปลูกสร้างบางชนิดใช้ดินได้หลากหลายประเภท ทั้งนี้ในการพิจารณาว่าจะเลือกใช้ดินแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณเพราะดินแต่ละประเภทก็จะมีราคาที่แตกต่างกันไป

ประเภทของไม้

|  1364 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ประเภทของไม้

เราสามารถแบ่งประเภทของไม้ออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
1.ไม้เนื่อแข็ง 2.ไม้เนื้อแข็งปานกลาง 3.ไม้เนื้ออ่อน โดยข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมในการใช้งานสามารถดูได้จากในตาราง

การขอใบอนุญาตรื้อถอนต้องเตรียมอะไรบ้าง?

การขอใบอนุญาตรื้อถอนต้องเตรียมอะไรบ้าง?

Last updated: 16 มิ.ย. 2567  |  2206 จำนวนผู้เข้าชม  | 

1.แบบแปลนบ้าน
2.ใบคำร้อง ข.1
3.สำเนาบัตรประชาชน
4.สำเนาทะเบียนบ้าน
5.สำเนาโฉนด *ขนาดเท่าตัวจริง
6.เอกสารที่เกี่ยวข้องอื่น
6.1 กรณีทะเบียนบ้านรื้อถอนไม่ตรงกับทะเบียนบ้านผู้ขออนุญาตรื้อถอน ต้องมีหนังสือสัญญาเช่า
6.2 กรณีผู้ขออนุญาตรื้อถอนไม่ใช่เจ้าของโฉนด ต้องมีใบยินยอมให้รื้อถอนอาคารในที่ดิน
6.3 กรณีผู้ขออนุญาตรื้อถอนไม่สะดวกมายื่นเรื่องเอง ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมติดอากรแสตมป์ 30 บาท พร้อมสำเนาบัตร ประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน
6.4 กรณีอาคารเดิมสร้างในลักษณะใช้คานร่วมกับเพื่อนบ้านที่มีแนวโน้มมีผลกระทบต้องมีหนังสือยินยอมให้รื้อถอนอาคารชิดเขตที่ดิน
*เอกสารทุกหน้าต้องมีลายเซ็นกำกับ
7. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรและสถาปนิก
· เอกสาร น.2 หนังสือรับรองของผู้ประกอบการวิชาชีพวิศวะควบคุมหรือสถานปนิกควบคุม
· เอกสาร น.4 หนังสือแสดงควมายินยอมของผู้ควบคุมงาน
· ใบประกอบวิชาชีพ

 
ลักษณะอาคารที่สถาปนิกและวิศวกรต้องควบคุม
Ø พื้นที่อาคารน้อยกว่า 150 ตรม.  เจ้าของบ้านเป็นผู้ควบคุมงาน
Ø พื้นที่มาก 150 ตรม. มีวิศวะควบคุมงาน

 
ระดับวิศวะ
วิศวกรระดับภาคีควบคุมงานรื้อถอน
อาคารที่มีความสูงไม่เกิน 15 เมตรหรือขนาดไม่เกิน 2,000 ตารางเมตร หรืออาคาร 4 ชั้นออกแบบไม่เกิน 400 ตารางเมตร

วิศวกรระดับสามัญสามารถควบคุมการรื้อถอนได้ไม่จำกัดความสูงและพื้นที่แต่จะไม่สามารถเซ็นรับรองอาคารได้

วิศวกรระดับวุฒิสามารถควบคุมได้ไม่จำกัดความสูงและพื้นที่เช่นเดียวกันสามารถรื้อถอนโดยไม่ต้องขอใบอนุญาตจากเทศบาลหรือสำนักงานเขต

ใบอนุญาตรื้อถอนมีอายุเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้นนับจากวันที่ระบุในใบอนุญาตแต่สามารถต่ออายุใบอนุญาตได้เพียง 1 ครั้งรวมเป็น 2 ปี

สำหรับท่านที่ไม่มีเวลา หรือต้องการให้ผู้ชำนาญการอย่างเรา อนาวิล เดโมลิชั่น จำกัด บริษัทรื้อถอนมืออาชีพ เป็นผู้ช่วยในการดำเนินการเรื่องใบอนุญาตรื้อถอน สามารถปรึกษาเราได้ฟรี ที่  โทร 094-0977-526
หรือทักไลน์