News

ขั้นตอนการ เคลียร์ริ่งพื้นที่รกร้าง ปลูกกล้วย

1.ลูกค้าทักแชทมา เพื่อส่งข้อมูลที่จำเป็น ได้แก่ ตำแหน่งที่ดิน รูปภาพที่ดินเบื้องต้น และจำนวนพื้นที่ ที่ต้องการให้เราทำการเคลียร์ริ่งพื้นที่รกร้าง และปลูกกล้วย ว่ามีกี่ตารางวา

2.ทางเราจะประเมินราคาค่าเคลียร์ริ่งพื้นที่รกร้างกลับไปให้ทราบว่าจะมีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ โดยค่าเคลียร์ริ่งพื้นที่รกร้างราคาจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปริมาณความรกของพื้นที่และความยากง่ายในหลายๆปัจจัย แต่โดยเบื้องต้น ราคาค่าเคลียร์ริ่งพื้นที่รกร้างของเราจะอยู่ที่เรท 10,000 – 15,000 บาท สำหรับการเคลียร์ริ่งแบบฝังกลบ และ 20,000 – 30,000 บาทต่อไร่สำหรับการเคลียร์ริ่ง และขนทิ้งออกไปทิ้งด้วยรถบรรทุก ในกรณีที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ในพื้นที่และต้องการตัดออก ค่าบริการจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ขนาดต้นไม้และความยากง่ายโดยราคาสูงสุดจะอยู่ที่ไม่เกินต้นละ 5,000 บาท

3.ในบางเคสอาจต้องมีการขอเข้าไปสำรวจพื้นที่จริงก่อนทำงาน เพราะต้องดูทางเข้า ออก เพื่อที่จะเลือกนำแบคโฮไซส์ที่เหมาะสมสำหรับที่ดินที่จะเข้าทำงาน

4.เมื่อเคลียร์ริ่งพื้นที่เรียบร้อย กลายเป็นพื้นที่เรียบๆแล้ว ก็จะเป็นขั้นตอนของการนำกล้วยมาปลูก โดยจะปลูกที่จำนวน 200 ต้น ต่อไร่ เพื่อให้เข้าเกณฑ์ที่ดินเกษตรกรรม ซึ่งสามารถใช้ลดภาษีที่ดินรกร้างได้ จำนวนต้นกล้วยจะผันแปรไปตามอัตราส่วนดังกล่าว

ยกตัวอย่างเช่น
-มีที่ดิน 0.5 ไร่ ต้องปลูกกล้วย 100 ต้น
-มีที่ดิน 1.5 ไร่ ต้องปลูกกล้วย 300 ต้น

5.กล้วยที่เราใช้ จะเป็นกล้วยน้ำว้า พันธุ์มะลิอ่อง ซึ่งเป็นกล้วยพันธุ์ที่ทนที่สุด คุณไม่จำเป็นต้องเป็นเกษตรกรตัวจริง เพราะกล้วยพันธุ์นี้ ไม่ต้องการ การดูแลรักษาก็สามารถเติบโต เจริญงอกงาม เป็นต้นขึ้นมาได้อย่างสวยงาม ราคาหน่อกล้วย รวมค่าแรงปลูก อยู่ที่หน่อละ 50 บาท โดยเราจะใส่เจลโพลิเมอร์ลงที่ก้นหลุมในขั้นตอนการปลูกเพื่อคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ทำให้ไม่ต้องรดน้ำในช่วงแรกของการปลูก ซึ่งเป็นช่วงที่กล้วยต้องการน้ำ และเมื่อกล้วยเริ่มยืนต้นแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรดน้ำอีก
โดยเราจะปลูกวางเป็นแนวสวยงามแบบมืออาชีพ ห่างกันประมาณต้นละ 3 เมตร

6.จ่ายค่าบริการทั้งหมดเมื่อจบงาน ไม่มีเบิกก่อน ไม่มีชาร์จเพิ่มระหว่างทาง

7.ลดภาษีที่ดินรกร้างได้ 100%

ให้มืออาชีพอย่างเราช่วยคุณลดปัญหาภาษีที่ดินรกร้าง 
โทร 094-097-7526
ทักไลน์ คลิ๊ก

บริการเสริมที่แนะนำ
-ล้อมรั้วลวดหนามในราคาพิเศษ เพื่อเป็นหลักเขตของที่ดิน และป้องกันผู้อื่นเข้าไปใช้ประโยชน์จากที่ดิน เช่น นำขยะขนใส่รถบรรทุกมาดัํมพ์ทิ้งในที่ดิน
-ประตูเหล็กสำหรับใช้สัญจรเข้าที่ดิน เปิด-ปิด ลงกลอน ใส่กุญแจได้ มีให้เลือกทั้งขนาดประมาณ 1 เมตรสำหรับให้คนเดินเข้า และขนาด 3 เมตรเพื่อให้รถผ่านเข้าไปได้

รับซื้อบ้านไม้เก่า คืออะไร

รับซื้อบ้านไม้เก่า คืออะไร

การรับซื้อบ้านไม้เก่า คือการที่คนซื้อไปซื้อบ้านไม้เก่าถึงบ้านที่ต้องการขาย หรือพูดง่ายๆก็คือ ไปซื้อถึงที่ โดยที่จะมีทีมช่างไม้ไปรื้อไม้ออกมาเป็นแผ่นๆจากตัวบ้านที่เข้าไปซื้อ และจะนำรถบรรทุกมาขนไม้ที่รื้อกลับไปที่โรงไม้เพื่อตัดแต่งไม้ที่ได้มาให้อยู่ในสภาพพร้อมขายให้กับลูกค้าที่ต้องการใช้ไม้ในลำดับถัดไป

ใครบ้างที่จะขายบ้านไม้เก่า
ผู้ที่จะขายบ้านไม้เก่า โดยทั่วไปจะสามารถจำแนกได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1.กลุ่มที่ขายที่ดินได้ กลุ่มนี้จะทำการขายบ้านไม้เก่าออกไปก่อน ให้เหลือไว้แต่ที่ดิน ก่อนส่งมอบที่ดินให้เจ้าของใหม่ การทำแบบนี้จะทำให้เจ้าของที่ดินเดิมนอกจากจะได้เงินจากการขายที่ดินแล้ว ยังได้เงินเพิ่มอีกนิดหน่อย จากการขายบ้านไม้เก่าด้วย


2.กลุ่มเจ้าของที่ดินใหม่ กลุ่มนี้บางทีต้องการที่ดินบริเวณซื้อมาเพื่อสร้างสิ่งปลูกสร้างใหม่ จึงทำการขายบ้านไม้เก่าเพื่อทำเงินและยังเป็นการได้รื้อบ้านเก่าส่วนที่เป็นไม้ฟรีไปในตัวอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามในฝั่งของผู้ซื้อบ้านไม้เก่านั้น การซื้อบ้านไม้เก่าและการรื้อถอนอาคารและเคลียร์ขยะเคลียร์พื้นที่ จะนับว่าเป็นงานคนละส่วนกัน งานส่วนรื้อถอน*นั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นกับผู้ขายบ้านไม้เก่าเสมอ  เพราะไม่ใช่ว่าทุกอย่างที่อยู่ในบ้านจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ ยกตัวอย่างเช่นพื้นปูน ผนังปูน เป็นต้น ดังนั้นถ้าต้องการเคลียร์พื้นที่ให้พร้อมสำหรับการปลูกสร้างครั้งใหม่ด้วยจะไม่สามารถการันตีได้ว่าการขายบ้านไม้เก่านี้ ผู้ขายบ้านไม้เก่าจะเป็นฝ่ายได้เงิน 100% โดยปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องว่า ผู้ขายบ้านไม้เก่าจะได้เงินหรือจะต้องจ่ายเพิ่มก็ขึ้นอยู่กับปริมาณไม้และคุณภาพของไม้ว่าเมื่อตีเป็นมูลค่าออมาแล้ว หักกลบลบหนี้กับค่ารื้อถอนอาคารเคลียร์ขยะเคลียร์พื้นที่ จะออกมาเป็นผู้ขายได้เงินหรือต้องจ่ายเพิ่ม หรือบางกรณีเจ๊ากัน เป็นการรื้อพร้อมเคลียร์ให้ฟรีก็มีบ่อยครั้ง

*หมายเหตุ งานรื้อถอนนั้น ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจะมีอาทิเช่นค่าพนักงานรื้อถอน ค่าจ้างรถแบคโฮ ค่ารถบรรทุกขนเศษซากจากการรื้อถอนไปทิ้ง ค่าทิ้งขยะที่ต้องจ่ายให้กับบ่อขยะ ค่าเครื่องมืออุปกรณ์และค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆอีกมากมาย

3.กลุ่มเจ้าของที่ดินเดิม ที่ต้องการรื้อบ้านเก่าทิ้งเพื่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้สวยถูกใจ หรือทันสมัย คงทน แข็งแรงมากขึ้น กลุ่มนี้ก็จะคล้ายๆกับกลุ่มที่ 2

ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการขายบ้านไม้เก่า

1.อย่ารื้อไม้ออกมากองไว้ก่อน ข้อนี้แทบจะเป็นข้อที่สำคัญที่สุดสำหรับการขายบ้านไม้เก่า เพราะถ้าผู้ขายรื้อไม้ออกมากองไว้ก่อน จะมีโอกาสสูงมากที่ผู้ซื้อบ้านไม้เก่า จะปฏิเสธไม่ซื้อบ้านหลังนั้น เนื่องจากผู้ซื้ออาจจะมองว่าไม้สภาพดีได้ถูกนำออกไปหมดแล้ว

2.ถ้าถนนแคบ รถ 6 ล้อไม่สามารถเข้าถึงตัวบ้านได้ จะขายออกค่อนข้างยาก เนื่องจากเป็นอุปสรรคต่อการขนย้ายไม้

3.ถ้าในบ้านไม่มีน้ำ-ไฟ จะขายออกค่อนข้างยาก เพราะช่างรื้อไม้ส่วนใหญ่จะพักอาศัยอยู่ในบ้านไม้เก่าหลังที่รื้อเนื่องจากการรื้อไม้ต้องใช้ระยะเวลาหลายวัน

4.ราคาตอนขายไม้เก่า จะไม่เท่ากับราคาตอนที่ซื้อไม้มาสร้างบ้าน เนื่องจากไม้ที่ขายนั้น ผู้ซื้อต้องมีต้นทุนอื่นๆอีกหลายอย่าง เช่น ค่าแรงช่างรื้อไม้ ค่าขนส่ง ค่าตัดแต่งไม้ให้อยู่ในสภาพพร้อมขาย ค่าสต๊อกสินค้า และอื่นๆอีกมากมาย

เลือกขายบ้านไม้เก่ากับเรา ให้ราคาสูง ประเมินถึงที่ ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ทักไลน์ ส่งรูป แชรโลให้เรา คลิ๊ก

ว่าด้วยเรื่องใบอนุญาติรื้อถอน

อาคารลักษณะใดต้องมีใบอนุญาตรื้อถอน

ถ้าอาคารมีส่วนสูงเกิน 15 เมตรและอยู่ห่างจากอาคารอื่นหรือที่สาธารณะน้อยกว่าความสูงของอาคาร หรืออยู่ห่างจากอาคารอื่นหรือที่สาธารณะน้อยกว่า 2 เมตร ตามมาตรา 34 ของพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ผู้ที่ต้องการรื้อถอนอาคารดังกล่าวจะต้องขอใบอนุญาตรื้อถอนจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก่อนทำการรื้อถอน โดยการขอใบอนุญาตจะต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดของพระราชบัญญัติ และการออกใบอนุญาตจะได้รับการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ก่อนทำการรื้อถอนอาคาร นอกจากนี้ ยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและระเบียบการใช้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรื้อถอนอาคารด้วย โดยผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดดังกล่าวจะถูกกำหนดโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาทต่อวัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับคำสั่งหรือวินิจฉัย จนกระทั่งมีการปฏิบัติตามหรือถูกพิจารณาคดีโดยศาล และหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือวินิจฉัยภายในเวลาที่กำหนด ผู้ที่ผิดกฎหมายยังอาจถูกปรับต่อเนื่องตามมาตรา 35

ขั้นตอนในการขอใบอนุญาตรื้อถอน

การขอใบอนุญาตรื้อถอนในประเทศไทยจะต้องเป็นไปตามกฎหมายที่ได้รับการกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบวิธีการรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง พ.ศ. 2543 ซึ่งกำหนดให้มีขั้นตอนดังนี้

1. ให้เจ้าของสิ่งก่อสร้างเข้าไปยื่นคำขอใบอนุญาตรื้อถอนที่หน่วยงานท้องถิ่นที่มีอำนาจออกใบอนุญาตรื้อถอน เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล หรือเทศบาลนครหรือเทศบาลโอเพอร์เรชัน

2. หลังจากได้ยื่นคำขอใบอนุญาตรื้อถอนแล้ว จะต้องรอการตรวจสอบสถานที่และการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานท้องถิ่น

3. เมื่อผ่านการตรวจสอบแล้ว หน่วยงานท้องถิ่นจะออกใบอนุญาตรื้อถอนและแจ้งให้เจ้าของสิ่งก่อสร้างทราบ

4. เจ้าของสิ่งก่อสร้างจะต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรื้อถอนตามที่กำหนดโดยหน่วยงานท้องถิ่น

หากท่านต้องการขอใบอนุญาตรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง ควรติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและขั้นตอนการขอใบอนุญาตรื้อถอนได้ที่หน่วยงานท้องถิ่นที่มีอำนาจออกใบอนุญาตรื้อถอนใกล้เคียงกับพื้นที่ที่ต้องการรื้อ

ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรื้อถอน

ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรื้อถอนสิ่งก่อสร้างจะแตกต่างกันไปตามพื้นที่และลักษณะของสิ่งก่อสร้างที่ต้องรื้อถอน ซึ่งจะต้องประเมินจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานท้องถิ่นที่มีอำนาจออกใบอนุญาตรื้อถอน โดยปกติแล้วค่าธรรมเนียมจะประกอบด้วย

1. ค่าธรรมเนียมตรวจสอบสถานที่และการรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง
2. ค่าธรรมเนียมออกใบอนุญาตรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง

ค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจมีการกำหนดไว้ในกฎหมายหรือข้อบังคับของหน่วยงานท้องถิ่นที่มีอำนาจออกใบอนุญาตรื้อถอน หรืออาจจะต้องติดต่อสอบถามที่หน่วยงานท้องถิ่นเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมก่อนจะยื่นคำขอใบอนุญาตรื้อถอนได้อย่างถูกต้องและครบถ้วน

ระยะเวลาในการขอใบอนุญาตรื้อถอน

ระยะเวลาในการขอใบอนุญาตรื้อถอนสิ่งก่อสร้างจะแตกต่างกันไปตามหน่วยงานและพื้นที่ โดยทั่วไปแล้วหน่วยงานที่มีอำนาจออกใบอนุญาตรื้อถอนจะกำหนดระยะเวลาในการพิจารณาคำขอใบอนุญาตรื้อถอนในกฎหมายหรือข้อบังคับของหน่วยงานนั้น ๆ

ในบางกรณี หน่วยงานอาจต้องการเวลาในการตรวจสอบสถานที่และข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมก่อนการออกใบอนุญาตรื้อถอน ซึ่งอาจทำให้ระยะเวลาในการพิจารณาคำขอใบอนุญาตรื้อถอนเพิ่มเติมได้

ดังนั้น หากต้องการขอใบอนุญาตรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง ควรติดต่อสอบถามหน่วยงานที่มีอำนาจออกใบอนุญาตรื้อถอนในพื้นที่นั้น ๆ เพื่อขอข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับการยื่นคำขอใบอนุญาตรื้อถอนให้ถูกต้อง และสามารถประมาณระยะเวลาที่จะใช้ในการพิจารณาได้ด้วย

รื้อถอนโดยไม่มีใบอนุญาต

การรื้อถอนโดยไม่มีใบอนุญาตเป็นการกระทำผิดกฎหมายและอาจมีผลกระทบต่อผู้กระทำการ โดยการรื้อถอนโดยไม่มีใบอนุญาตอาจเป็นการละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อม การก่อสร้าง หรืออาคาร ที่เป็นที่ตั้งของสถานประกอบการอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสียหายทางกฎหมายและเสียค่าเสียหายแก่ผู้ที่เป็นเจ้าของหรือผู้มีสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น ๆ

นอกจากนี้ การรื้อถอนโดยไม่มีใบอนุญาตอาจเป็นการละเมิดกฎหมายสิทธิ์ทางทรัพย์สิน หรือละเมิดสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยของผู้อื่น ทำให้ผู้กระทำการสามารถถูกดำเนินคดีและต้องชดใช้ค่าเสียหายตามกฎหมายได้

ดังนั้น หากมีความจำเป็นต้องรื้อถอนสิ่งก่อสร้าง ควรขอใบอนุญาตรื้อถอนจากหน่วยงานที่มีอำนาจออกใบอนุญาตรื้อถอนและปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ที่อยู่ในบริเวณนั้นและสิ่งแวดล้อม และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เบอร์โทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม การขอใบอนุญาตรื้อถอน

หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตรื้อถอน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่หน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ของท่าน เช่น หน่วยงานเจ้าหน้าที่ควบคุมการใช้ที่ดิน หรือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมและกฎหมายสิทธิ์ทางทรัพย์สิน

นอกจากนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมการปกครอง โทร. 0 2356 1234 หรือเข้าชมเว็บไซต์ของกรมการปกครอง www.moi.go.th

รถแบคโฮหรือรถขุด มีกี่ประเภท

รถแบคโฮหรือรถขุด มีกี่ประเภท

1.รถขุดตีนตะขาบ (Crawler excavators) : รถขุดตีนตะขาบเหล่านี้เป็นประเภทรถขุดทั่วไปและใช้สำหรับงานที่หลากหลาย มีรูปรางเหมือนรถถังและโดยทั่วไปจะมีขนาดใหญ่กว่าและมีกำลังมากกว่ารถขุดประเภทอื่นๆ เหมาะสำหรับการขุดฐานราก การปรับระดับ และการรื้อถอน


2.รถขุดล้อยาง (Wheeled excavators) : รถขุดประเภทนี้มีล้อยางแทนที่จะเป็นตีนตะขาบ และโดยทั่วไปแล้วจะมีขนาดเล็กกว่าและมีความคล่องตัวมากกว่ารถขุดตีนตะขาบ เหมาะสำหรับงานต่างๆ เช่น การขุด การคัดเกรด และการเคลื่อนย้ายวัสดุ และมักใช้ในเขตเมืองหรือบนถนน


3.รถขุดขนาดเล็ก (Mini excavators) : รถขุดขนาดเล็กเป็นเครื่องจักรขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ซึ่งเหมาะสำหรับงานต่างๆ เช่น การขุดร่องน้ำ การปรับพื้นที่ และการรื้อถอน เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัดหรือสถานที่ที่รถขุดขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงได้


4.รถขุดหน้าตักหลังขุด (Backhoe excavators) : รถขุดเหล่านี้มีถังที่ด้านหน้าและรถขุดที่ด้านหลัง ทำให้ใช้งานได้อเนกประสงค์ เช่น การขุด คัดเกรด และการรื้อถอน มักใช้กับโครงการก่อสร้างขนาดเล็กหรืองานซ่อมบำรุง


5.รถขุดตีนตะขาบระยะไกล (Long-reach excavators) : รถขุดประเภทนี้มีแขนและบูมที่ยาว ช่วยให้สามารถเข้าถึงสิ่งกีดขวางได้ เหมาะสำหรับงานต่างๆ เช่น การขุดร่องลึกหรือการวางวัสดุในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก


6.รถขุดลากไลน์ (Dragline excavator) : เป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่และหนัก ซึ่งเหมาะสำหรับงานต่างๆ เช่น การขุดฐานรากหรือการขุดดินจำนวนมาก มีบูมยาวและถังที่ห้อยลงมาจากสายเคเบิล ช่วยให้ขุดร่องลึกหรือเอาวัสดุจำนวนมากออกได้

การเลือกดินถมที่ เพื่อเตรียมสำหรับสิ่งปลูกสร้างชนิดต่างๆ

การเลือกดินถมที่ เพื่อเตรียมสำหรับสิ่งปลูกสร้างชนิดต่างๆ

การสร้างสิ่งปลูกสร้างนั้น รากฐานที่มั่นคงเป็นสิ่งที่สำคัญในลำดับต้นๆ การที่รากฐานจะมั่นคงได้นั้น ดินที่นำมาใช้ถมก็ถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมาก ดังนั้นการเลือกดินให้ถูกประเภท ก็เหมือนกับว่าเริ่มต้นดี มีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะหากเลือกไม่ดีนั้นอาจมีปัญหาบ้านทรุด บ้านเอียง หรืออื่นๆตามมาได้ในภายหลัง

และหนึ่งในปัจจัยที่จะลืมไม่ได้ คือระยะเวลาที่ต้องการปลูกสร้าง หากต้อการปลูกสร้างเลยหลังจากถมดินเสร็จ ต้องใช้ดินที่มีความหนาแน่นสูงเช่น ดินซีแลค หรือดินลูกรัง แต่ราคาก็อาจจะแพงกว่าตัวเลือกอื่นๆ หากไม่รีบก็สามารถใช้ดินประเภทอื่นๆที่มีความหนาแน่นต่ำ และให้เวลาช่วยให้ดินยุบตัวเพื่อเพิ่มความหนาแน่นก็จะช่วยเซฟค่าใช้จ่ายได้

ทีนี้เรามาดูว่าดินแต่ละประเภทเหมาะกับสิ่งปลูกสร้างแบบใดบ้างกันดีกว่า

  • ดินดาน (ซีแลค) เหมาะที่สุดสำหรับการถมที่สร้างบ้าน และสามารถใช้สร้างโกดังหรือโรงงาน ได้ด้วย
  • ดินลูกรัง เหมาะใช้ในการถมทำถนน ลานจอดรถ และโกดังหรือโรงงาน
  • ดินทราย ใช้สร้างบ้านได้ แต่บ้านนั้นต้องไม่ใกล้กับแหล่งน้ำ เช่นบึง หรือบ่อน้ำ
  • ดินดำ (หน้าดิน) เหมาะกับการถมที่สำหรับพื้นที่ที่จะเตรียมไว้ใช้ปลูกต้นไม้ สนามหญ้า หรือจัดสวน
  • ทราย เหมาะกับการใช้ทำถนน หรือปั๊มแก๊ส
  • หินคลุก เหมาะกับการทำลานจอดรถ
  • ดินเหนียว เหมาะกับพื้นที่ที่จะใช้ปลูกพืชที่ต้องการน้ำมาก เพราะมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดี เช่น ข้าว และพืชน้ำชนิดต่างๆ

จากด้านบนในบางข้อ อาจจะสังเกตุว่าสิ่งปลูกสร้างบางชนิดใช้ดินได้หลากหลายประเภท ทั้งนี้ในการพิจารณาว่าจะเลือกใช้ดินแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณเพราะดินแต่ละประเภทก็จะมีราคาที่แตกต่างกันไป

ประเภทของไม้

|  1364 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ประเภทของไม้

เราสามารถแบ่งประเภทของไม้ออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
1.ไม้เนื่อแข็ง 2.ไม้เนื้อแข็งปานกลาง 3.ไม้เนื้ออ่อน โดยข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมในการใช้งานสามารถดูได้จากในตาราง

การขอใบอนุญาตรื้อถอนต้องเตรียมอะไรบ้าง?

การขอใบอนุญาตรื้อถอนต้องเตรียมอะไรบ้าง?

Last updated: 16 มิ.ย. 2567  |  2206 จำนวนผู้เข้าชม  | 

1.แบบแปลนบ้าน
2.ใบคำร้อง ข.1
3.สำเนาบัตรประชาชน
4.สำเนาทะเบียนบ้าน
5.สำเนาโฉนด *ขนาดเท่าตัวจริง
6.เอกสารที่เกี่ยวข้องอื่น
6.1 กรณีทะเบียนบ้านรื้อถอนไม่ตรงกับทะเบียนบ้านผู้ขออนุญาตรื้อถอน ต้องมีหนังสือสัญญาเช่า
6.2 กรณีผู้ขออนุญาตรื้อถอนไม่ใช่เจ้าของโฉนด ต้องมีใบยินยอมให้รื้อถอนอาคารในที่ดิน
6.3 กรณีผู้ขออนุญาตรื้อถอนไม่สะดวกมายื่นเรื่องเอง ต้องมีหนังสือมอบอำนาจ พร้อมติดอากรแสตมป์ 30 บาท พร้อมสำเนาบัตร ประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้าน
6.4 กรณีอาคารเดิมสร้างในลักษณะใช้คานร่วมกับเพื่อนบ้านที่มีแนวโน้มมีผลกระทบต้องมีหนังสือยินยอมให้รื้อถอนอาคารชิดเขตที่ดิน
*เอกสารทุกหน้าต้องมีลายเซ็นกำกับ
7. เอกสารที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรและสถาปนิก
· เอกสาร น.2 หนังสือรับรองของผู้ประกอบการวิชาชีพวิศวะควบคุมหรือสถานปนิกควบคุม
· เอกสาร น.4 หนังสือแสดงควมายินยอมของผู้ควบคุมงาน
· ใบประกอบวิชาชีพ

 
ลักษณะอาคารที่สถาปนิกและวิศวกรต้องควบคุม
Ø พื้นที่อาคารน้อยกว่า 150 ตรม.  เจ้าของบ้านเป็นผู้ควบคุมงาน
Ø พื้นที่มาก 150 ตรม. มีวิศวะควบคุมงาน

 
ระดับวิศวะ
วิศวกรระดับภาคีควบคุมงานรื้อถอน
อาคารที่มีความสูงไม่เกิน 15 เมตรหรือขนาดไม่เกิน 2,000 ตารางเมตร หรืออาคาร 4 ชั้นออกแบบไม่เกิน 400 ตารางเมตร

วิศวกรระดับสามัญสามารถควบคุมการรื้อถอนได้ไม่จำกัดความสูงและพื้นที่แต่จะไม่สามารถเซ็นรับรองอาคารได้

วิศวกรระดับวุฒิสามารถควบคุมได้ไม่จำกัดความสูงและพื้นที่เช่นเดียวกันสามารถรื้อถอนโดยไม่ต้องขอใบอนุญาตจากเทศบาลหรือสำนักงานเขต

ใบอนุญาตรื้อถอนมีอายุเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้นนับจากวันที่ระบุในใบอนุญาตแต่สามารถต่ออายุใบอนุญาตได้เพียง 1 ครั้งรวมเป็น 2 ปี

สำหรับท่านที่ไม่มีเวลา หรือต้องการให้ผู้ชำนาญการอย่างเรา อนาวิล เดโมลิชั่น จำกัด บริษัทรื้อถอนมืออาชีพ เป็นผู้ช่วยในการดำเนินการเรื่องใบอนุญาตรื้อถอน สามารถปรึกษาเราได้ฟรี ที่  โทร 094-0977-526
หรือทักไลน์

ทำไมการรื้อถอนบ้าน ต้องรื้อถอนฐานรากด้วย

การรรื้อถอนบ้านที่ดี ต้องรื้อถอนให้ถึงฐานราก ที่อยู่ใต้ดิน อันได้แก่ คานล่างหรือคานคอดิน ตอม่อ ฟุตติ้ง ต้องขุดออกและขนทิ้งให้หมด เพื่อให้พร้อมสำหรับการลงเสาเข็มสร้างบ้านครั้งใหม่ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาการตอกเข็มไม่ลงหรือตอกเข็มไม่ผ่าน

นอกจากเหตุผลในด้านการก่อสร้างแล้ว การรื้อถอนบ้านแล้วทำไมต้องรื้อถอนฐานรากด้วยนั้น มีเหตุผลสำคัญหลายประการ:

1. ความปลอดภัย หากฐานรากยังคงอยู่มันอาจเป็นอันตรายได้ เพราะโครงสร้างที่ไม่มั่นคงสามารถเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุหรือปัญหาในอนาคต เช่น การล่มสลายของพื้นดินหรือการแตกร้าว

2. การวางแผนพัฒนา หากพื้นที่นั้นมีแผนการก่อสร้างใหม่หรือพัฒนาโครงการใหม่ ฐานรากเดิมอาจทำให้ไม่สามารถวางแผนหรือก่อสร้างใหม่ได้ตามที่ต้องการ เนื่องจากฐานรากเก่าอาจขัดขวางการวางตำแหน่งหรือการออกแบบของโครงสร้างใหม่

3. ป้องกันการปัญหาในอนาคต ฐานรากที่ไม่ถูกกำจัดออกอาจทำให้เกิดปัญหาในอนาคต เช่น การเสื่อมสภาพของฐานรากที่อาจทำให้เกิดการทรุดตัวของพื้นดินหรือมีผลกระทบต่อโครงสร้างใหม่ที่ถูกสร้างขึ้น

การรื้อถอนฐานรากจึงเป็นการเตรียมพื้นที่ให้เหมาะสมสำหรับการพัฒนาใหม่หรือเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการก่อสร้างในอนาคต


โดยวิธีการรื้อถอนฐานรากที่ดีที่สุดนั้นคือการใช้เครื่องจักรหนัก เช่นรถแบคโฮที่ติดหัวเจาะ(หัวแย็ก) ทำการเจาะ แย็ก และขุดฐานรากขึ้นมาย่อย และขนออกไปทิ้งด้วยรถบรรทุก

ที่ S.E.M. เราให้ความสำคัญกับการรื้อถอนฐานราก เพื่อให้ลูกค้าของเราทุกคนมั่นใจได้ว่า เมื่อได้ใช้บริการรื้อถอนของเราแล้ว ลูกค้าจะไม่ประสบปัญหาในด้านงานก่อสร้างหรือด้านอื่นๆในอนาคตอันเกิดจากการไม่รื้อถอนฐานราก

ทำไมการรื้อถอนบ้าน ต้องรื้อถอนฐานรากด้วย

การรรื้อถอนบ้านที่ดี ต้องรื้อถอนให้ถึงฐานราก ที่อยู่ใต้ดิน อันได้แก่ คานล่างหรือคานคอดิน ตอม่อ ฟุตติ้ง ต้องขุดออกและขนทิ้งให้หมด เพื่อให้พร้อมสำหรับการลงเสาเข็มสร้างบ้านครั้งใหม่ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาการตอกเข็มไม่ลงหรือตอกเข็มไม่ผ่าน

นอกจากเหตุผลในด้านการก่อสร้างแล้ว การรื้อถอนบ้านแล้วทำไมต้องรื้อถอนฐานรากด้วยนั้น มีเหตุผลสำคัญหลายประการ:

1. ความปลอดภัย หากฐานรากยังคงอยู่มันอาจเป็นอันตรายได้ เพราะโครงสร้างที่ไม่มั่นคงสามารถเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุหรือปัญหาในอนาคต เช่น การล่มสลายของพื้นดินหรือการแตกร้าว

2. การวางแผนพัฒนา หากพื้นที่นั้นมีแผนการก่อสร้างใหม่หรือพัฒนาโครงการใหม่ ฐานรากเดิมอาจทำให้ไม่สามารถวางแผนหรือก่อสร้างใหม่ได้ตามที่ต้องการ เนื่องจากฐานรากเก่าอาจขัดขวางการวางตำแหน่งหรือการออกแบบของโครงสร้างใหม่

3. ป้องกันการปัญหาในอนาคต ฐานรากที่ไม่ถูกกำจัดออกอาจทำให้เกิดปัญหาในอนาคต เช่น การเสื่อมสภาพของฐานรากที่อาจทำให้เกิดการทรุดตัวของพื้นดินหรือมีผลกระทบต่อโครงสร้างใหม่ที่ถูกสร้างขึ้น

การรื้อถอนฐานรากจึงเป็นการเตรียมพื้นที่ให้เหมาะสมสำหรับการพัฒนาใหม่หรือเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกในการก่อสร้างในอนาคต


โดยวิธีการรื้อถอนฐานรากที่ดีที่สุดนั้นคือการใช้เครื่องจักรหนัก เช่นรถแบคโฮที่ติดหัวเจาะ(หัวแย็ก) ทำการเจาะ แย็ก และขุดฐานรากขึ้นมาย่อย และขนออกไปทิ้งด้วยรถบรรทุก

ที่ S.E.M. เราให้ความสำคัญกับการรื้อถอนฐานราก เพื่อให้ลูกค้าของเราทุกคนมั่นใจได้ว่า เมื่อได้ใช้บริการรื้อถอนของเราแล้ว ลูกค้าจะไม่ประสบปัญหาในด้านงานก่อสร้างหรือด้านอื่นๆในอนาคตอันเกิดจากการไม่รื้อถอนฐานราก

ปลูกพืชลดภาษีอย่างไร ในที่ดินที่มีน้ำ

  1. ยกร่อง ปั้นคันดิน
    จะเป็นการเคลียร์วัชพืช นำมากองสุมไว้ เป็นคันและขุดดินโปะทับ เพื่อตั้งเป็นคันดินขึ้นมาให้สูงขึ้นจากระดับเดิมและพ้นจากน้ำด้านล่าง บ่อยครั้ง

การยกร่อง การปั้นคันดินบ่อยครั้งจำเป็นจะต้องมีงานของเครื่องสูบน้ำเข้ามาช่วย เพื่อทำให้ระดับน้ำลดลง และแบคโฮทำงานได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น หากไม่มีเครื่องสูบน้ำแบคโฮมีโอกาสที่จะจมโคลนไม่สามารถขยับต่อไปได้ จะต้องได้รับการช่วยเหลือจากเครื่องจักรตัวอื่นๆ เช่นรถแบคโฮด้วยกัน หรือรถเครน เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะมีค่าใช้จ่ายจากการนำเครื่องจักรอื่นมากู้แล้ว ยังมีความเสี่ยงที่แบคโฮจะได้รับความเสียหายอีกด้วย เมื่อปั้นคันดินได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจะสามารถนำพืชมาปลูกเพื่อลดภาษีได้ตามปกติ

  1. ถมดิน
    คือการนำดินมาถม เพื่อให้ที่ดินสูงขึ้นและน้ำไม่ท่วม ข้อดีคือ ได้ที่ดินที่สูงขึ้นและสวยงามพร้อมขายมากขึ้น ส่วนข้อเสียคือ ใช้งบประมาณสูง
  2. ถมอิฐหัก
    คล้ายกับการถมดิน แต่จะถูกกว่ามาก เพราะเป็นการถมด้วยอิฐหัก เศษปูน หรือเศษวัสดุจากการก่อสร้าง จากนั้นจะนำดินที่มีในที่ดินขึ้นมาโปะ และสามารถปลูกพืชเพื่อลดภาษีได้ตามปกติ